9 วาทะ ก้าวคนละก้าวสู่สารคดีแห่งปี กับการครบรอบ 1 ปี

9 วาทะ ก้าวคนละก้าวสู่สารคดีแห่งปี กับการครบรอบ 1 ปี แห่งความทรงจำ



ครบรอบ 1 ปี ในวันสุดท้ายของโครงการ “ก้าวคนละก้าว” กับปรากฏการณ์การวิ่งครั้งประวัติศาสตร์ การวิ่งระยะทางกว่าสองพันกิโลเมตร ถูกถ่ายทอดในภาพยนตร์สารคดีสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ตลอดบนเส้นทางจากเบตงถึงแม่สายจอถูกร้อยเรียงผ่านจอภาพยนตร์ และคำพูดอีกมากมายที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ได้ชม ได้กลายมาเป็นความทรงจำในใจของคนนับล้านทั่วประเทศ

พร้อม 9 วาทะ ที่อยากนำมากล่าวถึง จากการถ่ายทอดในภาพยนตร์สารคดี ที่พร้อมจะสร้างแรงบันดาลใจ รอยยิ้ม และข้อขบคิด



“ก้าวคนละก้าวเนี่ย เป็นโครงการที่ทำอยู่บนความเชื่อ ของทีมงานและคนไทยทั้งประเทศ” (ชายชาญ ใบมงคล)

คำพูดจากบทสัมภาษณ์ของคุณเบล Creative ของโครงการก้าวคนละก้าวได้พูดไว้ในช่วงแรกของภาพยนตร์สารคดี โดยเป็นการสื่อถึงว่าโครงการนี้ไม่ใช่ของใคร หรือทำเพื่อใครเพียงคนเดียว โครงการนี้เป็นของทุกคน สร้างโดยมีความคิดพื้นฐานที่ต้องเกิดจากการร่วมมือของผู้คน เพื่อโครงการประสบความสำเร็จได้ถึงเป้าหมาย



“คนมาสองข้างทางเยอะมาก แล้วเราประทับใจชาวบ้านที่มาต้อนรับ เด็กน้อยที่มาให้กำลังใจข้างทาง ดีมากเลย สองข้างทางมันน่าจดจำ แล้วมันคุ้มค่าที่จะอยู่ตรงนั้นนาน ๆ” (อาทิวราห์ คงมาลัย)

ความประทับใจในการวิ่งของพี่ตูนต่อผู้คนมากหน้าหลายตา ที่คอยมาให้กำลังใจตลอดสองข้างท้างตั้งแต่วันแรก ถูกบันทึกไว้เป็นคำพูดในช่วงเช้าของวันที่ 2 ของการวิ่ง เป็นการถ่ายทอดความประทับใจออกมาให้ได้ฟัง หลังจากได้รับการตอบรับและบรรยากาศที่ดีเกิดคาดหวัง ซึ่งเป็นการสร้างมั่นใจและความเชื่อในการก้าวแต่ละก้าว

“ไม่ตอบว่ากลัวตาย หรือไม่กลัวตาย แค่ไม่ได้คิด ถ้าเราเอามาเป็นข้อแม้ของการออกไปทำอะไร หรือไม่ออกไปทำอะไร บางทีมัน… เหมือนไม่ได่ใช้พลังชีวิตอย่างเต็มที่” (อาทิวราห์ คงมาลัย)

หลังจากเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่พี่ตูนออกมาริเริ่มโครงการก้าวคนละก้าว พร้อมกับการวิ่งด้วยระยะทางกว่าสองพันกิโลเมตร ภายใน 55 วัน สร้างคำถามมากมาย โดยเฉพาะเกี่ยวกับร่างกายของตัวเขาเอง คำตอบจากปากของพี่ตูนไม่ได้บอกว่ากลัวหรือไม่กลัว แต่กลับเป็นเหตุผลที่เขาออกครั้งนี้ต่างหาก ที่ถูกพูดถึง ซึ่งคำตอบนี้กลับสะท้อนมาตั้งคำถามให้กับตัวเราเองด้วยว่า วันนี้เราได้ใช้พลังชีวิตอย่างเต็มที่หรือยัง?



“เราทำอะไรได้ก็ต้องทำหมดครับ ถ้าไม่พร้อมก็อย่าออกมา คือถ้าไม่พร้อมก็ต้องอยู่บ้านเลย” (อาทิวราห์ คงมาลัย)

ประโยคสั้นๆและเรียบง่าย แต่กลับแสดงถึงความเชื่อ และความดื้อของพี่ตูน ถูกแสดงออกมาในคำพูดและแววตาที่มั่นใจในคำตอบ เขาไม่ต้องการความสะดวกสบายในการวิ่ง เขาไม่ได้ต้องสิทธิพิเศษเหนือใคร สิ่งที่เขาต้องการคือผลประโยชน์ของส่วนรวมบางอย่าง แม้อาจต้องแลกด้วยความเหนื่อย หรือลำบาก แต่คำพูดของพี่ตูนกลับยืนยันแล้วว่า เขาพร้อม



“ถ้ามี 3 เบอร์ กูว่าเขาเบอร์ 20 อะ แม่งโคตรดื้อเลย ดื้อมาก” (ชายชาญ ใบมงคล)

หนึ่งฉากเล็ก ๆ บนรถตู้ในภาพยนตร์สารคดี ที่ดำเนินด้วยบทสนทนาของคุณเบล กับคุณโอ๊ต สองหัวเรือใหญ่สำคัญของโครงการก้าวคนละก้าว ที่พูดถึงความดื้อของพี่ตูน โดยให้เปรียบเทียบกับเบอร์พัดลม 3 เบอร์ ถึงแม้เบอร์ 3 จะแรงสุด แต่คำตอบของคุณเบลกับให้ความดื้อของพี่ตูนถึงเบอร์ 20 เรียกว่ากลายเป็นประโยคเด็ดอีกหนึ่งประโยค ที่ขึ้นไปอยู่ในตัวอย่างของภาพยนตร์ให้ได้ชมก่อนในช่วงแรก ๆ ของการโปรโมทเลยทีเดียว



“ถ้าให้มาเราก็ขออนุญาตให้กลับไปละกัน ทุกคนที่มานั่นแหละคือ คนพิเศษ คนสำคัญ ฮีโร่ตัวจริง” (อาทิวราห์ คงมาลัย)

คำพูดของพี่ตูนที่สื่อถึงการขอบคุณ และยกย่องผู้คนที่ออกมาเป็นส่วนร่วมในโครงการ ก้าวคนละก้าว ไม่ว่าจะเป็นคนที่ออกมาสองข้างทาง คนที่มอบเงินบริจาค ผู้คนที่ร่วมกันสร้างปรากฎการณ์ครั้งนี้ด้วยกัน อีกทั้งยังยืนยันว่าตัวเองเป็นแค่คนบอกเล่าเรื่องราว ไม่ใช่ฮีโร่ที่ควรต้องยกย่อง ฮีโร่ตัวจริงคือบุคลากรทางการแพทย์ที่คอยช่วยเหลือผู้คนต่างหาก



“พี่อูน สู้ สู้” (เด็กน้อยนิรนาม)

อีกหนึ่งสิ่งที่เรียกรอยยิ้มแก่ผู้ที่พบเห็นในภาพยนตร์สารคดี คงเป็นป้ายที่ถูกเขียนเป็นประโยคว่า “พี่อูน สู้ สู้” บนแผ่นกระดานสีขาว พร้อมกับเจ้าหนูน้อยสองคน ที่ควงแขนผู้ปกครองมาให้กำลังใจถึงขอบถนน โดยในตอนนั้นเพจ “ก้าว” ได้โพสต์ภาพพี่ตูน เอามือวางบนหน้าผากยืนข้าง ๆ เด็กทั้งสองคน ซึ่งสร้างความประทับใจ และรอยยิ้มให้กับผู้ที่มาพบเห็นในเหตุการณ์กับบนโลกออนไลน์ไม่น้อย



“เมื่อกี้เขาถามผมว่า อิ๊ด อิ๊ดมั้ย อิ๊ดคืออะไร” (อาทิวราห์ คงมาลัย)

ตลอดการวิ่งสองข้างทางมักมีคำทักทายของผู้คนรอบข้างเข้ามาอยู่เสมอ

หนึ่งในนั้นคือคำว่า อิ๊ด ที่พี่ตูนเอามาพูดถึงในการวิ่งช่วงท้าย ๆ ของโครงการ ซึ่งเริ่มเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือ โดยถูกถามเป็นภาษาพื้นเมืองว่า “อิ๊ดมั๊ย” อีกทั้งพี่ตูนยังต่อท้ายด้วยประโยคขำขันด้วยว่า อิ๊ด ในความหมายของพี่ตูนแปลว่า กิน ต่างหาก ซึ่งสร้างรอยยิ้มให้กับคนดูได้ไม่น้อย




“คำว่ากูทำได้เนี่ย แม่งมีผลมหาศาลเลยนะ กูทำได้ในความหมายของตูนคนเดียวมันคือ กูวิ่งได้ กูทำได้ แต่ความหมายที่ขยายใหญ่ไปกว่านั้นคือ กูทำได้… ทุกคนก็ต้องทำได้” (ขจรเดช พรมรักษา)

บทสรุปสุดท้ายกับภาพที่พี่ตูนอยู่บนเวที พร้อมกับคำพูดของคุณกบที่พูดได้อย่างน่าสนใจและน่าขบคิดตาม พี่ตูนไม่ใช่ฮีโร่ พี่ตูนอาจไม่ได้พิเศษกว่าใคร ๆ เขาคือคนธรรมดาคนหนึ่งที่เหมือนกับทุกคน สิ่งที่พี่ตูนทำอยู่มันอาจยิ่งใหญ่ในสายตาคนอื่น แต่เชื่อเถอะหากคนธรรมดาอย่างพี่ตูนทำได้ ทุกคนก็ทำได้



จากการประสบความสำเร็จของโครงการ นอกจากจะเป็นการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือ 11 โรงพยาบาลศูนย์แล้ว อีกหนึ่งความตั้งใจของภาพยนตร์สารคดีนี้คือ กาวรที่ทุกคนได้เห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกายกาย เพราะเป็นจุดเริ่มของการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ และเป็นการช่วยโรงพยาบาลกับบุคลากรทางการแพทย์ไปด้วย โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ทุนทรัพย์เท่านั้น

สุดท้ายนี้โครงการก้าวคนละก้าวและภาพยนตร์สารคดี เชื่อ บ้า กล้า ก้าว จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำ ที่สร้างปรากฎการณ์ให้กับคนทั่วไปให้ตระหนักถึง การสร้างแรงบันดาลใจ แนวความคิด และ ความพยายาม



อ้างอิง : https://bit.ly/2BFFGNh , https://bit.ly/2lL6gzE , https://bit.ly/2y6YyUW

Cr. Pic : https://bit.ly/2F29zdY , https://bit.ly/2BUL67i